คนไทยติดอินเตอร์เน็ตแค่ไหน?
ปัจจุบันนี้คนไทยใช้อินเตอร์เน็ต 45 ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือ 6.4 ชั่วโมง/วัน โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต มากที่สุดคือ สมาร์ตโฟน 85.5% ซึ่งใช้งานเฉลี่ย 6.2 ชั่วโมง/วัน โดยส่วนใหญ่เวลากับการเข้าชมสื่อ Social Network ซึ่งมีถึง 96.1% ตามมาด้วย ดูวิดีโอใน YouTube ดังนั้นนับวันบทบาทของสื่ออินเตอร์เน็ตบนมือถือนั้นจะมีมากเพิ่มขึ้น เพราะสื่อทั้งหลายในตอนนี้พร้อมส่งคอนเท้นต์ หรือ ข้อมูลตนเองไปถึงหน้าจอมือถือ ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่ามือถือแบบสมาร์ทโฟนช่วยให้คนไทยเข้าถึงข้อมูลได้อย่าง รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้คนวันนี้ รูปแบบชีวิตเดิมๆ ที่เราจะเดินทางมองวิวทิวทัศน์รอบข้าง ดื่มด่ำบรรยากาศ แล้วมาหนังอ่านข่าวสารที่โต๊ะทำงานภายหลังเริ่มหมดไป ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาเสพสื่อบนมือถือตลอดเวลา
แม้ว่าเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียที่ควรคำนึงถึง หากเราใช้มันด้วยความประมาทและไม่สร้างสรรค์ในการใช้ข้อมูลซึ่งอาจแฝงภัยร้ายมาด้วย อย่างเช่น เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การละเมิดลิขสิทธิ์ การโจมตี และ เจาะระบบเครือข่ายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้การใช้เวลาบนอินเตอร์เน็ตมากเกินไป อาจส่งผลต่อร่างกายและการพัฒนาในด้านสังคม ในภาวะการเสพติดอินเทอร์เน็ตนี้ยังไม่ได้ถูกจำแนกอย่างเป็นทางการในเรื่องความผิดปกติทางจิต แต่นักพฤติกรรมบำบัดมองว่าโรคติดอินเตอร์เน็ตนั้นเกิดจากเหตุที่ผู้เสพติดขาดการยับยั่งใจ เช่นเดียวกับ ผู้ที่ติดสารเสพติดและ ผู้ที่เสพติดการพนัน ผู้ติดการพนันมักจะถูกชักจูงโดยความตื่นเต้นเร้าใจจากการชนะพนันมากกว่าเงินรางวัลที่ได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะหักห้ามใจได้
และสำหรับผู้มีภาวะการเสพติดอินเทอร์เน็ตก็เป็นเช่นกัน แต่ความตื่นเต้นนั้นมาจากรางวัลในเชิงสังคมซึ่งมีหลายรูปแบบ อาทิ กรณีของผู้ติดเกมออนไลน์ พวกเขาชอบความรู้สึกที่ตนเองได้ทำภารกิจสำเร็จ ชอบภาพที่มีสีสันในเกม และชอบความท้าทายต่างๆที่พวกเขาเจอในเกม เหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่มีภาวะติดเกมออนไลน์สามารถจดจ่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้เป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน นอกจากนี้ พวกเขาอาจจะสร้างสังคมออนไลน์ที่เชื่อมโยงพวกเขากับคนที่ติดเกมเข้าด้วยกันเพื่อเล่นเกมออนไลน์เป็นทีม
นอกจากนี้การเสพติดอินเทอร์เน็ตถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการสื่อสาร เพราะแทนที่เราจะใช้เวลาและพูดคุยกับคนที่เรารัก แต่เราอาจจะใช้วิธีการสื่อสารที่เป็นส่วนตัวน้อยลง เช่น การส่งข้อความ ถึงแม้การสื่อสารโดยใช้วิธีการออนไลน์นั้นไม่ถือเป็นสิ่งที่ผิด แต่วิธีการนี้จะไร้อารมณ์และน้ำเสียงที่แท้จริง และในระยะยาว มันทำให้ผู้ติดอินเทอร์เน็ตลืมวิธีสื่อสารกับผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่มีภาวะการเสพติดอินเทอร์เน็ตถอยตัวเองออกจากสังคม แม้กระทั่งยุติความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
ดังนั้นการรู้เท่าทันสื่อ ด้วยการความรู้ ความเข้าใจ เป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้บริโภคสื่อโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ในการเปิดรับเนื้อหาผ่านสื่อในเชิงวิเคราะห์วิพากษ์ การร่วมชี้แนะของผู้ปกครอง ในข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มากมายบนอินเตอร์เน็ต รวมถึงการเรียนรู้ในสถาบันการศึกษา เพื่อให้เกิดการพัฒนาความคิดของเด็กผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์และสื่อต่างๆ จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการรู้จักเลือกใช้สื่ออินเตอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และสังคมรอบข้าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น