ความรู้ไม่มีวันสิ้นสุด การเรียนก็เช่นกัน
ความรู้ไม่มีวันสิ้นสุด การเรียนก็เช่นกัน
ในโลกยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ความรู้ที่เคยเรียนในอดีตก็อาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงควรที่จะหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา
เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ มากมาย ซึ่งกระทบกับอาชีพเดิม เช่น คนขับแท็กซี่ในลอนดอนประเทศอังกฤษ กว่าจะได้ใบขับขี่มาจะต้องรู้จักถนน 6 หมื่นสาย ต้องสอบกันถึง 12 ครั้ง ใช้เวลา 5-6 ปีถึงจะผ่าน แต่หลังจากมี Uber ซึ่งเป็นบริการเรียกแท็กซี่ด้วยมือถือ โดยที่คนขับไม่จำเป็นต้องไปสอบใบอนุญาต และสามารถใช้เทคโนโลยีในการนำทางได้โดยที่ไม่ต้องรู้จักสถานที่ที่จะไปส่งผู้โดยสาร ทำให้คนขับแท็กซี่ในลอนดอนออกมาประท้วง
ธุรกิจโรงแรมก็ได้รับผลกระทบเช่นกันจากการเกิดขึ้นของ Airbnb ที่ทำให้คนทั่วไปสามารถปล่อยห้องให้เช่าได้ ทำให้โรงแรมเกิดคู่แข่งรายใหม่มากมาย
แม้แต่ธนาคารก็มีผลกระทบเช่นกัน บริการโอนเงินข้ามประเทศ ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมทั้งต้นทางและปลายทาง และยังต้องจ่ายส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก แต่ก็มีคนคิดแอพ Tranferwise ซึ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจับคู่คนที่จะโอนเงินระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น มีนาย ก. จะโอนเงิน 1 แสนบาทจากไทยไปให้นาย ข. ที่อเมริกา และนาย A. จะโอนเงินจากอเมริกามาที่นาย B. ที่อยู่เมืองไทย 1 แสนบาทเช่นกัน ทาง Transferwise ก็จะจับคู่โดยนำเงินจากนาย ก. โอนให้นาย B. แทน ส่วนเงินจากนาย A. ก็จะโอนให้นาย ข. แทนเช่นกัน ทำให้ไม่มีรายการโอนเงินข้ามประเทศเกิดขึ้น ค่าบริการก็จะถูกกว่าธนาคาร ซึ่งทำให้ธนาคารเสียลูกค้าได้
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เราสามารถที่จะเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างมากมายมหาศาล ผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ต แต่ในประเทศไทยยังมีช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่
จากนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้แผนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มุ่งให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมกับชีวิตประจำวันและอาชีพได้อย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลขึ้นด้วยความร่วมมือกันของ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ และ ดีแทค โดยมีวัตถุประสงค์สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และประชาชนทั่วไปเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน
โครงการนี้จะประชาชนสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมกับชีวิตประจำวันและอาชีพได้อย่างสร้างสรรค์ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสีบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือศึกษาหาเทคโนโลยีใหม่ๆ การใช้งานแอปพลิเคชั่นที่เกียวข้องกับการทำงาน การใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า การใช้งานโปรแกรมแชทในการขาย เป็นต้น
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ดิจิทัลชุมชนและกศน.ตำบลทั่วประเทศ หรือติดต่อไปที่ Facebook Page ศูนย์ดิจิทัลชุมชน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (https://www.facebook.com/0digital)
ในโลกยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ความรู้ที่เคยเรียนในอดีตก็อาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงควรที่จะหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา
เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ มากมาย ซึ่งกระทบกับอาชีพเดิม เช่น คนขับแท็กซี่ในลอนดอนประเทศอังกฤษ กว่าจะได้ใบขับขี่มาจะต้องรู้จักถนน 6 หมื่นสาย ต้องสอบกันถึง 12 ครั้ง ใช้เวลา 5-6 ปีถึงจะผ่าน แต่หลังจากมี Uber ซึ่งเป็นบริการเรียกแท็กซี่ด้วยมือถือ โดยที่คนขับไม่จำเป็นต้องไปสอบใบอนุญาต และสามารถใช้เทคโนโลยีในการนำทางได้โดยที่ไม่ต้องรู้จักสถานที่ที่จะไปส่งผู้โดยสาร ทำให้คนขับแท็กซี่ในลอนดอนออกมาประท้วง
ธุรกิจโรงแรมก็ได้รับผลกระทบเช่นกันจากการเกิดขึ้นของ Airbnb ที่ทำให้คนทั่วไปสามารถปล่อยห้องให้เช่าได้ ทำให้โรงแรมเกิดคู่แข่งรายใหม่มากมาย
แม้แต่ธนาคารก็มีผลกระทบเช่นกัน บริการโอนเงินข้ามประเทศ ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมทั้งต้นทางและปลายทาง และยังต้องจ่ายส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก แต่ก็มีคนคิดแอพ Tranferwise ซึ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจับคู่คนที่จะโอนเงินระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น มีนาย ก. จะโอนเงิน 1 แสนบาทจากไทยไปให้นาย ข. ที่อเมริกา และนาย A. จะโอนเงินจากอเมริกามาที่นาย B. ที่อยู่เมืองไทย 1 แสนบาทเช่นกัน ทาง Transferwise ก็จะจับคู่โดยนำเงินจากนาย ก. โอนให้นาย B. แทน ส่วนเงินจากนาย A. ก็จะโอนให้นาย ข. แทนเช่นกัน ทำให้ไม่มีรายการโอนเงินข้ามประเทศเกิดขึ้น ค่าบริการก็จะถูกกว่าธนาคาร ซึ่งทำให้ธนาคารเสียลูกค้าได้
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เราสามารถที่จะเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างมากมายมหาศาล ผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ต แต่ในประเทศไทยยังมีช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่
จากนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้แผนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มุ่งให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมกับชีวิตประจำวันและอาชีพได้อย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลขึ้นด้วยความร่วมมือกันของ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ และ ดีแทค โดยมีวัตถุประสงค์สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และประชาชนทั่วไปเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน
โครงการนี้จะประชาชนสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมกับชีวิตประจำวันและอาชีพได้อย่างสร้างสรรค์ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสีบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือศึกษาหาเทคโนโลยีใหม่ๆ การใช้งานแอปพลิเคชั่นที่เกียวข้องกับการทำงาน การใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า การใช้งานโปรแกรมแชทในการขาย เป็นต้น
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ดิจิทัลชุมชนและกศน.ตำบลทั่วประเทศ หรือติดต่อไปที่ Facebook Page ศูนย์ดิจิทัลชุมชน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (https://www.facebook.com/0digital)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น